รีวิวภาพยนตร์เรื่องใหม่ จาก Netflix Dog Gone หมาหลง หนังใจฟู ดูเพลิน ความผูกพันธ์อันแสนอบอุ่นหัวใจ เด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูเคลิ้ม
สารบัญ
Dog Gone หมาหลง หนังใจฟู ดูเพลิน ดูแล้วอบอุ่นใจ
เหมือนมาได้ถูกจังหวะ สำหรับภาพยนตร์ที่จะต้องถูกอกถูกใจคนรักน้องหมากับ หนังครอบครัว ผจญภัยเรื่องใหม่ ของ Netflix ที่ชื่อว่า “Dog Gone หมาหลง” ในเรื่องนี้ อาจจะเป็นแค่เพียง หนังฟอร์มเล็ก ๆ ทุนสร้างไม่ได้สูงมาก เมื่อเทียบกับเรื่องอื่น ๆ โครงเรื่องของเรื่อง Dog Gone เชื่อมโยงเกี่ยวกับความผูกพัน และความฉลาด แสนรู้ของเจ้าตูบสี่ขาในป่ากว้าง ออกมาเป็นหนังครอบครัว ที่ดูแล้วจะต้องอบอุ่นหัวใจ เหมาะกับการเปิดดูในช่วงนี้อย่างยิ่ง เพราะ Dog Gone สามารถสร้างอรรถรส รวมถึงความสนุก ในหลากรูปแบบ ได้ดีทั้งบ้าน แบบไม่ต้องคิดอะไรมาก
Dog Gone หรือหมาหลง ดัดแปลงสร้างมาจากหนังสือเรื่องหนึ่ง ที่ชื่อว่า Dog Gone: A Lost Pet’s Extraordinary Journey and the Family Who Brought Him Home โดย พอลส์ ทูทองฮี เป็นเรื่องราว ที่สร้างมาจากเรื่องจริง เริ่มต้นด้วยเรื่องของหนุ่มกับสุนัขคู่ใจ ที่ต้องพลัดหลงกัน บนเส้นทางเดินเขาแอปปาเลเชียน เขา (เด็กหนุ่ม) และพ่อจึงเริ่มต้น ออกค้นหาเจ้าหมาตัวนั้นอย่างไม่ลดละ ก่อนที่จะสายเกินไป นี่คือผลงาน ที่สร้างจากเรื่องจริงสุดเหลือเชื่อ เกี่ยวกับมนุษยธรรม ความรัก ความผูกพัน และความกล้าหาญในชีวิตประจำวัน
ภาพยนตร์เรื่อง Dog Gone ดัดแปลงมาจากเรื่องจริง ซึ่งพาผู้ชมไปติดตามเรื่องราวของ Fielding Marshall (รับบทโดย Johnny Berchtold) เด็กหนุ่มวัยมหาลัย ที่เวลานี้ชีวิตของเขากำลังไร้เป้าหมาย เขาได้ตัดสินใจ ไปรับสุนัขมาเลี้ยง พร้อมกับตั้งชื่อให้มันว่า Gonker หลังจากที่รับมาเขาเลี้ยง เจ้า Gonker และผูกพันธ์กับมันนานหลายปี จนกระทั่งเรียนจบมหาวิทยาลัย Fielding ที่ยังไม่รู้ว่าตัวเอง จะทำอะไรต่อ จึงตัดสินใจที่จะย้าย กลับไปอาศัยอยู่ที่บ้านกับพ่อ และแม่ พร้อมกับพาเจ้า Gonker สุนัขคู่ใจตัวนี้ กลับไปอาศัยอยู่ที่บ้านของเขาด้วย
โดยในตอนแรกพ่อ และแม่ของ Fielding ดูจะไม่เห็นด้วยมากนัก กับการนำ Gonker มาเลี้ยง แต่หลังจากผ่านไปไม่นาน พ่อ และแม่ก็พากันตกหลุมรักเจ้าสุนัขแสนรู้ตัวนี้ เข้าจนได้ จนกระทั่ง วันหนึ่งเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็มาถึง จุดเริ่มต้นของภาพยนตร์เรื่องนี้ ในระหว่างที่ Fielding พาเจ้า Gonker ไปเดินเล่นกับเพื่อนสนิท จู่ ๆ เจ้า Gonker ก็วิ่งหายไปในป่าอย่างเป็นปริศนา ด้วยเหตุนี้ Fielding และพ่อแม่จึงต้องช่วยกัน ป่าวประกาศ และวางแผน เพื่อออกตามหาเจ้า Gonker กลับมาให้ได้ ซึ่งท้ายที่สุดแล้วพวกเขาจะตามเจ้าหมาแสนรู้อย่าง Gonker กลับมาได้หรือไม่ และเรื่องราวทั้งหมดจะลงเอยอย่างไร นี่จึงกลายเป็นเรื่องที่ทุกคน จะต้องไปตามลุ้น ตามเชียร์กัน ในภาพยนตร์ Dog Gone
ก็ไม่มีอะไรแปลกใหม่ มากนักสำหรับภาพยนตร์แนวนี้ เพราะว่า Dog Gone เป็นหนังที่มาพร้อมกับสูตรสำเร็จ แบบที่คุ้นเคย พบเห็น และคาดเดาได้ค่อนข้างง่าย ตามสไตล์หนังฟีลกู้ด ที่เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงที่แสนผูกพัน แต่เพราะสิ่งนี้นี่เองที่กลายเป็นเสน่ห์สุดคลาสสิค ทำให้หนังเรื่อง Dog Gone เป็นหนังที่ย่อยได้ง่าย เบาสมอง และดูเพลินได้อย่างสบาย ๆ เน้นความเพลิดเพลินเป็นหลัก
ผู้ชมสามารถเอ็นจอย ไปกับเจ้าก็องเกอร์ หมาแสนรู้จากในหนังได้ดี หนังดำเนินเรื่องราวไปแบบง่าย ๆ ไม่ต้องคิดอะไร เน้นชมไม่ต้องคาดเดา หรือจ้องจับผิดอะไรขณะรับชม ตรงตามแบบฉบับหนังฝรั่ง สักเมื่อราว ๆ 10-20 ปีก่อน ที่มีเพียงเรื่องราวเส้นเรื่องหลักเพียงเส้นเดียว แต่เต็มไปด้วยสารที่ตรงไปตรงมาดี
ข้อความของหนังเรื่องนี้เหมาะกับทุกเพศทุกวัยจริง ๆ เพราะว่านี่คือหนังที่ตั้งคำถามกับทุก ๆ ครอบครัวกับการเจริญเติบโตและก้าวข้ามสู่วัยใหม่ การผสานรอยร้าวระหว่างสมาชิกครอบครัว โดยที่มีเจ้าหมาน่ารักในการเชื่อมโยงทุก ๆ องค์ประกอบเข้าเอาไว้ด้วยกัน ที่ทำให้ผู้ชมดำดิ่งและอาจจะเสียน้ำตาไปกับเรื่องราวแสนเชยของเรื่องนี้ “สตีเฟน เฮเร็ก” ผู้กำกับรุ่นเก๋ามารับหน้าที่สร้าง งานสร้างของเขาก็เป็นไปตามมาตรฐาน เหมือนกันหนังทีวีเมื่อทศวรรษก่อนอะไรทำนองนั้น
ขณะที่องค์ประกอบ รวมถึงการแสดงถือว่าน่าพอใจ สำหรับภาพยนตร์ฟอร์มเล็ก ๆ เช่นนี้ ก็เรียกได้ว่า ไม่ผิดหวัง ทั้ง “ร็อบ โลว์”, “จอห์นนี่ เบิร์คโทลด์” หรือ “คิมเบอร์ลี่ วิลเลียมส์ เพสลีย์” พวกเขาสามารถถ่ายทอดการแสดงออกมา ได้อย่างน่าพอใจ และที่ต้องชื่นชมสุดใจ
ตัวเด่นที่ขาดไปไม่ได้ ก็คงจะต้องเป็น เจ้าก็องเกอร์ น้องหมานักแสดงนำในเรื่องนี้ ที่ถือว่าเรื่องนี้ก็ได้พิสูจน์แล้วว่า มันเป็นหมาเจ้าบทบาท และเต็มไปด้วยเสน่ห์ทั้งเรื่อง ผู้ชมจะต้องหลงใหลไปกับความน่ารัก แสนรู้ น่าเอ็นดูของมันในทุก ๆ ซีนที่โผล่ออกมา คนรักน้องหมา จะต้องอมยิ้มตามอย่างแน่นอน
เอาเป็นว่า ถ้าหากคุณชื่นชอบภาพยนตร์แนว ๆ นี้ และเคยประทับใจ หนังสไตล์หมา ๆ ฟีลกู้ดทำนองนี้มาก่อน ภาพยนตร์เรื่อง Dog Gone ก็น่าจะเป็นหนัง ที่ทำงานกระตุ้นกับต่อมความพอใจ และพลังความอบอุ่นในใจ ของคุณได้เป็นอย่างดี เพราะ Dog Gone คือหนังครอบครัวฟีลดี ให้ความรู้สึกอบอุ่นได้อย่างละมุนละไม
แม้ว่าทุกองค์ประกอบ ของหนัง Dog Gone จะใช้สูตรสำเร็จไปหมด ผนวกกับพล็อตเรื่อง ที่สุดแสนจะเชย เหมือนดูหนังทางทีวี ไม่มีผิดเพี้ยน ไร้ซึ่งความแปลกใหม่ อย่างกับเป็นบทที่แต่งไว้ เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว แต่หนังเรื่องนี้ก็ยังทำให้ดูเพลิน ๆ แบบไม่เสียเวลาอะไร เน้นใจฟู ทั้งที่รู้ได้เป็นอย่างดี ว่า Dog Gone จะไปทิศทางไหน แต่เราก็เอ็นจอยกับมัน
ถึงเวลาให้คะแนน Dog Gone กันแบบเจาะลึก
ขึ้นชื่อว่าเป็นการรีวิวหนัง ก็ไม่พลาดที่จะต้องมีการให้คะแนน ภาพยนตร์ Dog Gone กันแบบเจาะลึกถึงรายละเอียด ความอบอุ่นของภาพยนตร์แนวนี้ จะฟันคะแนนในแต่ละด้านไปกี่คะแนน เราพร้อมจะดึงมาชี้แจงแบบครบถ้วนทุก ๆ ด้าน งานนี้ใครที่ยังไม่ได้รับชม Dog Gone อาจจะต้องหลบสปอยกันสักนิด
แม้ว่าจะไม่มากก็ตาม เพื่ออรรถรสในระหว่างการรับชม ให้ใจฟูก่อนแล้วค่อยวนมาอ่าน แต่หากใคร ที่ได้ดูมาแล้ว สามารถมาลุ้นกันได้ ว่าคะแนนที่เว็บเรามอบให้ Dog Gone มีข้อไหนมั๊ยที่ตรงใจทุกท่าน หรือมีข้อไหนที่ไม่ตรงใจ
สำหรับภาพยนตร์ เรื่อง Dog Gone บันทึกการเดินทาง กว่า 100 ไมล์ของสุนัข ที่ต้องออกตามหาเจ้าของ ไม่เน้นฉากอลังการ ดำเนินเรื่องแบบเรื่อย ๆ ผ่านตัวละครหลักไม่กี่ตัว ไม่เน้นฉากที่ทารุณจนเกินไป ซึ่งจะทำให้การให้คะแนนในวันนี้ เป็นไปตามสเกล และรูปแบบแนวทาง ของภาพยนตร์ Dog Gone ตามสไตล์หนังใจฟู หากใครพร้อมแล้วก็ไปอ่านกันได้เลย
ตามสไตล์หนังใจฟู เนื้อหาไม่โลดโผน แต่ไม่หักหลังคนดู
คะแนนด้านเนื้อหา : 🌕🌕🌕🌑🌑
เปิดกันที่ประเด็นแรก สำหรับภาพยนตร์ Dog Gone เป็นภาพยนตร์ที่ต้องบอกเลยว่าเน้นความใจฟู ตามสไตล์ภาพยนตร์แนวครอบครัว เด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูดี โครงของหนังที่วางเนื้อหามาจาก การเดินทางตามหมาเจ้าสุนัขคู้ใจ ที่ผลัดหลง บทง่าย ๆ เชยแต่อบอุ่นหัวใจ แว๊บแรกก็ต้องบอกเลยว่า น่าติดตามเป็นอย่างยิ่ง อยากใครที่เป็นคนรักสัตว์ จะต้องสะดุดตากับภาพยนตร์ Dog Gone อย่างแน่นอน
สำหรับ Dog Gone โชคดีอย่างยิ่ง ที่ไม่ได้มีปัญหา ในเรื่องของการคาดหวังยอดขายมากนัก เนื่องจากเป็นภาพยนตร์ ที่ออกฉายผ่านช่องทาง Netflix เป็นหลัก ผู้ชมส่วนใหญ่ ทั้งเด็ก ๆ และผู้ใหญ่ ไม่ได้รู้สึกขัดอกขัดใจ กับภาพยนตร์ไตล์นี้มากนัด เนื้อเรื่องสามารถดำเนินไปได้อย่างสมเหตุสมผล นำเสนอความเพลิดเพลิน ให้ผู้ชมรู้สึกเอาใจช่วย ไม่ได้มีการนำเสนอความรุนแรง หรือแบบโหดร้ายมากนัก สายใยความรัก ความผูกพันธ์ ระหว่างสัตว์เลี้ยง และเจ้าของ คือจุดเด่นที่สำคัญของภาพยนตร์เรื่อง Dog Gone
อย่างไรก็ดีปัญหาหลัก ๆ ของด้านเนื้อหาในภาพยนตร์ Dog Gone จะเป็นเรื่องของความคาดเดาที่ง่ายจนเกินไป ตามแบบฉบับของภาพยนตร์เชย ๆ เรื่องหนึ่ง ไม่ได้สร้างความแปลกใหม่ หรือดึงดูดกลุ่มผู้ชมมากนัก หากได้ชมภาพยนตร์เรื่อง Dog Gone มาบ้างแล้ว คุณจะรับรู้ได้ทันทีเลย ว่าจะต้องมีแต่คนที่ชอบบทประมาณนี้จริง ๆ จึงจะเลือกกดเข้าไปรับชม
เพราะ Dog Gone มันเดาทางง่ายมากจริง ๆ เนื้อหาไม่ได้มีการหักมุม เน้นให้ผู้ชมเอาใจช่วย ร่วมลุ้น และอมยิ้มไปกับฉากสุดท้าย เน้นการดำเนินเรื่องไปเรื่อย ๆ ตามเส้นเรื่องหลัก ที่ทีมผู้สร้างตั้งใจวางเอาไว้ และจบในแบบที่ทุกคนเดาได้ เอาใจผู้ชม เน้นใจฟูตามที่เราพยายามจะสื่อเอาไว้ตั้งแต่ต้น
การแสดงสมบทบาท ทั้งคน และเจ้าหมาแสนรู้
คะแนนด้านการแสดง : 🌕🌕🌕🌕🌕
ด้านนักแสดงในเรื่อง Dog Gone นักแสดงนำหลักอย่าง John Berchtold รับบทเป็น ฟีลดิ้ง หนุ่มหล่อหน้าตาดี ที่อกหัก ช้ำรักมาจากแฟนสาวแบบหมาด ๆ จนต้องหาน้องหมาแสนรู้ มาดามหัวใจ น้องหมาแสนรู้สุดน่ารัก รับบทเป็น ก็องเกอร์ รับบทเป็น เป็นหมาที่ฉลาดมาก แสนรู้ น่ารัก และนิสัยเป็นมิตร เรียกรอยยิ้มให้กับผู้ชม ภาพยนตร์ Dog Gone ผู้ชมจะได้เห็นโมเมนต์ความน่ารัก ของเจ้าน้องก็องเกอร์เยอะมาก ไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน หลาย ๆ ฉากจะน่ารักซะจน คุณหลุดขำ และอมยิ้มตามแน่นอน กับวีรกรรมสุดแสบในหลาย ๆ ฉาก ที่ทำกับเพื่อนฟีลดิ้งครั้งแรกที่เจอ
หรือแม้กระทั่งฉากสุดน่ารัก น่าเอ็นดู โก่งตูดออกกำลังกายกับฟีลดิ้ง ฉากที่น้องทำหน้าฟิน ๆ นอนหงายท้อง ด้วยท่าทีที่แสนจะเป็นธรรมชาติ เผยให้เห็นน้องจู๊ด เพื่ออ้อนให้สาวลูบท้อง อ้อนแรงขนาดนี้ แต่ไม่วายก็โดนสาวเมิน เป็นฉากที่ทั้งน่ารัก ทั้งขำ และน่าเอ็นดูน้องจริง ๆ
หากดูไปเรื่อย ๆ ผู้ชมจะรู้สึกได้เลย ว่าพฤติกรรมต่าง ๆ ของเจ้าหมาแสนรู้ ก็องเกอร์ช่วยเชื่อมความสัมพันธ์ ภายในครอบครัวให้ดีขึ้นจริง ๆ การแสดงที่สมบทบาท ทำให้เราไม่รู้สึกติดขัด กับเรื่องหรือฉากต่าง ๆ ในเรื่อง Dog Gone
ฉาก และโทนภาพ ที่ให้อารมณ์อบอุ่น ทัชใจคนดู
คะแนนด้านการใช้โทนภาพยนตร์ : 🌕🌕🌕🌕🌕
ตั้งแต่ตัวอย่าง Dog Gone มีมูท และโทนที่ค่อนข้างชัดเจน ผู้ชมจะสามารถเห็นได้เลย ว่าในเรื่องนี้มีการในโทนภาพ และแสงที่ดูอบอุ่น บรรยากาศจะอมแสงอ่อน ๆ เพื่อให้ตรงตามเนื้อเรื่องของหนัง ที่เป็นภาพยนตร์แนวอบอุ่น ในช่วงที่ตัวละครหลักอยู่ด้วยกันแบบพร้อมหน้า พร้อมตา
อย่างเช่นในฉากที่ออกกำลังกาย เล่น หรือไปไหนมาไหนด้วยกัน ก่อนที่เจ้าตูบคู่ใจจะผลัดหลง โทนเหล่านี้ เป็นตัวสำคัญที่จะทำให้คนดู บรรเทาอาการตึงเครียดไปได้ ฉาก และโทนที่สดใสจะทำให้ผู้ชม ยังคงไว้ซึ่งอาการผ่อนคลาย นี่จึงเป็นเหตุผล ที่ทำให้ Dog Gone ได้คะแนนในด้านนี้ค่อนข้างสูง เป็นภาพยนตร์ฟิลกู้ด ที่ไม่หลุดธีม เบาสมอง ผ่อนคลายทั้งเรื่องอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ดี เราจะเห็นว่าบางฉาก ก็มีการปรับโทน ให้เข้ากับสถานการณ์ ในขณะนั้น อย่างเช่นฉากฝนตก ฟ้าฝ่า ก็สามารถเปลี่ยนโทนให้ดูเข้มขึ้นเข้ากับ บรรยากาศในภาพยนตร์ เป็นโทนที่เป็นไปตามสถานการณ์ ไม่มีการยัดเยียดโทนให้อบอุ่น ไปตลอดทั้งเรื่อง Dog Gone จึงเป็นภาพยนตร์ที่ค่อนข้างสมบูรณ์แบบ ดูเพลิน ๆ สมกับที่เป็นหนังแนวครอบครัว ผู้ใหญ่ดูได้ เด็กดูดีอย่างแท้จริง
และนี้คือการให้คะแนนภาพยตร์เรื่อง Dog Gone ในด้านต่าง ๆ ซึ่งจะเห็นได้ชัดเจนว่า มีเพียงบทภาพยนตร์เท่านั้น ที่จะโดนหักคะแนนในส่วนนั้นไป เนื่องจากเป็นบท ที่ค่อนข้างเชย คาดเดาง่าย เรียกได้ว่า แค่ดูตัวอย่าง ก็พอจะทราบตอนจบของ Dog Gone ได้ในทันที ว่าเรื่องนี้จบสวยแน่นอน
แต่หากพิจารณาอีกมุมหนึ่ง การที่ภาพยนตร์แบบนี้ สามารถดทำตอนจบออกมา ได้แบบแฮปปี้ จะทำให้ผู้ชมค่อนข้างใจฟู ไม่ผิดหวัง หรืออารมณ์ดาวน์ในตอนท้าย ไม่ต้องกังวลเลยแม้แต่น้อย ว่าจะมีช็อต สะเทือนใจ ในภาพยตร์เรื่องนี้ ซึ่งนี่ก็เป็นข้อดี ที่หลาย ๆ คนค่อนข้างพอใจที่จะเลือกรับชม ในยุคที่ทุก ๆ อย่างดูเครียดไปซะหมด อย่างน้อยก็พอจะมีภาพยนตร์ดี ๆ อย่าง Dog Gone ออกมาให้ชม คลายความเครียดในชีวิตได้ไม่น้อย
ภาพยนตร์ใจฟู ดูเพลิน ไม่มีฉากสะเทือนใจ พลังบวกมาเต็ม
สำหรับภาพยนตร์ Dog Gone เรื่องนี้ต้องบอกก่อนเลย ว่าไม่ได้รู้จักมาก่อน หรือเคยเห็นมาก่อนเลย ส่วนใหญ่แล้วผู้ชม จะบอกเป็นเสียงเดียวกัน ว่าเห็น Dog Gone จากการที่หลาย ๆ คนพูดถึง และติดอันดับบน Netflix เกี่ยวกับสุนัข ก็เลยตัดสินใจเลือกดู แบบไม่ยากเย็นนัก บวกกับความยาวหนัง ที่ไม่ได้ยาวอะไรมากนัก รวม ๆ แล้วแค่เพียง 1 ชั่วโมงครึ่ง ผู้ชมหลาย ๆ คน จึงกดเข้าไปดูแบบไม่คิดอะไร แต่กลับกลายเป็นว่าพอดูจบแล้ว พวกเขาค่อนข้างรู้สึกชอบ อยู่พอตัว
แม้จะปฏิเสธไม่ได้ ว่าตัวหนัง Dog Gone ค่อนข้างธรรมดา และไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่เลย ในโครงเรื่องประมาณนี้ แต่มันก็เป็นความธรรมดา ความเบสิค ไม่ซับซ้อน ที่ไม่ว่าจะดูกี่ครั้ง ก็มอบความประทับใจ ใจฟู และอบอุ่นหัวใจให้กับคนดูได้ ตัวบทของ Dog Gone เรื่องที่เขียนออกมาได้ค่อนข้างดี แม้จะดูเชยไปบ้าง แต่หลาย ๆ คน ค่อนข้างชอบประเด็น ที่ตัวละครพระเอก ยังคงเป็นเด็ก ที่ไร้ความฝัน และถูกกดดันจากสังคมรอบข้างอย่างมากมาย
ซึ่งเขามองว่าในตอนนี้ คงจะมีเพียงแค่เจ้า Gonker เท่านั้น ที่รักเขาจากใจจริง ไม่คาดหวังในตัวเขา และรักเขาในแบบที่เขาเป็น ซึ่งต่างจากทั้งเพื่อน ๆ และพ่อแม่ที่ต่างพากัน คาดหวังให้เขา จะต้องเป็นใครซักคน ที่่ประสบความสำเร็จให้ได้ในวัยเรียนจบเช่นนี้ ซึ่งแน่นอนว่า ประเด็นนี้ยิ่งช่วยส่ง ให้ความสัมพันธ์ของคู่เพื่อนซี้ ระหว่างพระเอก และเจ้า Gonker ลึกซึ้งขึ้นไปอีก
จากสิ่งที่เราได้เห็น ได้กล่าวไปในข้างต้น มันก็นำไปสู่ฉากหนึ่ง ที่เป็นฉากที่หลาย ๆ ชอบมาก ๆ นั่นคือตอนที่พระเอกบอกกับพ่อว่า Gonker เป็นสิ่งมีชีวิตเดียวในโลกนี้ ที่รักเขาในแบบที่เขาเป็น ด้วยน้ำเสียง ท่าที ต่าง ๆ ที่นักแสดงถ่ายทอดออกมา ซึ่งก็พอจะรับประกันได้เลย ว่าหากใครที่ชีวิตอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ และปัจจุบันยังไม่รู้ว่าตัวเองชอบ หรืออยากเป็นอะไร สับสน จนขาดซึ่งพลังจิตพลังใจ แบบที่ตัวละครพระเอกในเรื่อง เผชิญอยู่
คุณจะต้องหลงรักฉากนี้จาก Dog Gone อย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังมีอีกหลายส่วนที่น่าประทับใจ ทั้งการที่คนจากทั่วทุกมุมโลกส่งความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ให้กับครอบครัวพระเอกเพื่อตามหาตัวเจ้า Gonker กลับมา ก็เป็นการแสดงให้เห็น ถึงความดีงามภายในจิตใจ ของมนุษย์ ปันให้กับสัตว์ร่วมโลก ที่อาจจะเป็นความสวยงามเล็ก ๆ
แต่ก็สร้างรอยยิ้ม ให้กับคนดูได้ไม่น้อย ที่สำคัญผู้ชมจะยังได้เห็นความรัก ที่พระเอกมีต่อ Gonker สุนัขคู่ใจ ทั้งที่ตัวเองป่วยจนกินข้าวไม่ได้ แถมยังมีอาการไอเป็นเลือด แต่ก็เก็บไว้เป็นความลับ เพราะอยากตามเจ้า Gonker กลับมาก่อน
Dog Gone วันนี้ยอดนิยมทาง Netflix
บริการสตรีมมิง Streaming คอนเทนต์ ที่กำลังมาแรงของยุคนี้ ดูเหมือนว่าคงจะเป็นอะไรไปไม่ได้ นอกจากแพลตฟอร์ม Netflix ที่มักจะมีการเปิดเผย การเก็บสถิติ ภาพยนตร์ที่เป็นออริจินัลคอนเทนต์ และซีรีส์ ของ Netflix โดยเฉพาะ เพื่อวัดจากชั่วโมงที่ดู และ บัญชีผู้ใช้ต่าง ๆ ผลปรากฏว่า ซีรีส์หลาย ๆ เรื่องมีกระแสความนิยม ที่ค่อนข้างน่าพึงพอใจ ขณะที่ภาพยนตร์ Dog Gone เองในตอนนี้ก็เรียกได้ว่า มาแรงไม่แพ้กัน
บริการสตรีมมิง streaming คอนเทนต์ ประจำปี 2023 กำลังเติบโตเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะ Netflix หนึ่งในบริการ ที่ได้รับความนิยมทั่วโลก รวมถึงในเมืองไทย ที่ใคร ๆ ต่างเลือกใช้บริการ ปัจจุบัน Netflix เปอร์เซนต์การเติบโตเพิ่มขึ้นสูงเรื่อย ๆ
ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะ วิกฤตโควิด-19 ที่ทำให้พฤติกรรมผู้ใช้งานเปลี่ยนไป ผู้คนอยู่บ้านกันมากขึ้น และส่งผลให้ คนที่ต้องกักตัวอยู่บ้าน เลือกที่จะใช้บริการ Netflix กันอย่างทั่วทุกหัวระแหง