ซีรีส์น่าดู Kaleidoscope ลำดับปล้นเหนือมาก ซีรีส์ที่เป็นกระแสมาจาก TikTok ที่ว่าสามารถดูตอนไหนก่อนก็ได้ จะเป็นอย่างไร เรามารีวิวให้ฟัง
สารบัญ
- 1 Kaleidoscope ซีรีส์แห่งเดือนมกราคม 2023 น่าดูจริงหรือไม่ ?
- 2 ซีรีส์แนวใหม่ ต่างจากซีรีส์เรื่องอื่นใน Netflix
- 3 ความฉลาดของผู้สร้างสรรค์ ลำดับปล้นเหนือเมฆ
- 4 📽️ รีวิว : Kaleidoscope
- 5 เรื่องนี้ สนุกจริงหรือไม่ คุ้มค่าแก่การเข้าดูไหม ?
- 6 ถึงคราวให้คะแนน สำหรับซีรีส์เรื่องนี้กันค่ะ ปล้นส่องกล้อง “Kaleidoscope”
Kaleidoscope ซีรีส์แห่งเดือนมกราคม 2023 น่าดูจริงหรือไม่ ?
Kaleidoscope เป็นอีกหนึ่ง ซีรีส์ ที่กำลังเป็นกระแส กำหนดเข้ามาวันที่ 1 มกราคม 2566 มีทั้งหมด 8 ตอน ตอนละประมาณ 45 นาที ด้วยตอนของมัน ถูกกำกับด้วยสีต่าง ๆ โดยดังมาจาก TikTik ของผู้ใช้งานคนหนึ่ง ที่เขาว่ากันมาว่า หากคุณได้เปิดดูซีรีส์เรื่องนี้ ตอนของแต่ละคน จะขึ้นสีที่ต่างกัน บางคนก็ขึ้นชื่อตอนแรกด้วยสีเหลือง บางคนก็ขึ้นด้วยสีดำ แล้วของคุณละ จะขึ้นด้วยสีอะไร ? สามารถเข้าดูได้ที่ Netflix
ซีรีส์แนวใหม่ ต่างจากซีรีส์เรื่องอื่นใน Netflix
การทรยศ หักหลังของอดีตเพื่อนรักรักปล้น ที่นำมาสู่การล้างแค้น ด้วยการปล้นตู้เซฟที่ทันสมัยที่สุด ในอีก 24 ปีต่อมา Netflix ยังคงอาศัยความเป็นแพลตฟอร์ม สตรีมมิง เพื่อสร้างนวัตกรรม การเล่าเรื่องได้อย่างน่าสนใจ Kaleidoscope(ลำดับปล้นเหนือเมฆ) เป็นซีรีส์ แนวดราม่า อาชญากรรมทั้งหมด 8 ตอน ที่ขายจุดเด่นตรงสุ่มเรียงลำดับตอนที่ไม่เหมือนกัน
ในแต่ละแอกเคาท์ที่คุณรับชม และแทนที่จะใส่เป็นตัวเลขลำดับแต่ละตอน แต่ใช้ตอนเป็นชื่อสีต่าง ๆ ตรงแนวคิดที่กล้องสลับสาย จะแปรเปลี่ยนลายไปทุกครั้งที่มีการเขย่าส่องดู โดยสีกับลาย อิงตามวัตถุที่มีสีต่าง ๆ ที่บรรจุในกล้อง ทำให้ผู้ชมแต่ละคน จะได้รับอรรถรสการชมซีรีส์ที่แตกต่างกันไป
ความฉลาดของผู้สร้างสรรค์ ลำดับปล้นเหนือเมฆ
ความฉลาดของผู้สร้างสรรค์ซีรีส์ อย่างนักเขียน อีริก การ์เซีย (Eric Garcia) ที่เคยมีผลงานหนังสืออย่าง “Matchstick Men (2003)” ได้ที่ผู้กำกับ ริดลีย์ สก็อตต์ (Ridley Scott) ได้ดัดแปลงเป็นหนัง รวมถึงนิยายที่กลายเป็นหนังอย่าง “Repo Men (2010)”
ไอเดียของ การ์เซีย คือการให้แต่ละตอน แทนช่วงเวลาของเรื่องที่แตกต่างกันออกไป ตอนหนึ่งเป็นช่วงหลายสัปดาป์ ก่อนการปล้น อีกตอนหนึ่ง เป็นช่วงหลายปีก่อน โดยตอนสุดท้ายจะถูกบังคับให้เป็นตอนสีขาวสำหรับทุกแอกเคาท์ใน Netflix ที่เป็นเหตุการณ์ปล้นดำเนินจริง
📽️ รีวิว : Kaleidoscope
ในแต่ละตอน จะมีการเปิดเผยความสัมพันธ์ของตัวละครหลายกลุ่ม ที่โยงกันไปมา โดยมีศูนย์กลางเดินเรื่อง เป็นจอมโจรอัจฉริยะ เรย์ เวอร์นอน ที่แสดงนำโดย นักแสดงที่มีฝีมือมาก จิอันคาร์โล เอสโปซิโต (Giancarlo Esposito) เวอร์นอน มีปมในอดีจ ที่มีความแค้นมายาวนาน กับอดีตเพื่อนรักอย่าง เดวีส์ ที่รับบทโดย รูฟัส ชีเวลล์ (Rufus Sewell) จนทำให้ เวอร์นอน ต้องติดคุกมานานหลาย 10 ปี ทำให้ ฮันนาห์ ลูกสาวที่ยังเล็ก ต้องกำพร้าทั้งพ่อ และแม่
เหตุการณ์ได้ผ่านมาหลายปี เดวีส์ สร้างตัวตนขึ้นมาใหม่ โดยการตั้งชื่อใหม่ของเขา เป็นชื่อ ซาลาส เขาเป็นเจ้าของธุรกิจรักษาความปลอดภัย และรับ ฮันนาห์ มาเป็นพนักงาน ขณะที่ เวอร์นอน ยังแค้น และไม่พอใจที่ เดวีส์ ไดด้ทุกอย่างไปครอบครอง แม้แต่ลูกสาวของเขาเอง เขาจังรวมอาชญา ที่มากความสามารถ ทำการวางแผนการปล้นตู้เซฟ ที่มีการเจาะยากที่สุดระดับโลกของ เดวีส์ เพื่อขโมยเงินหลายร้อนล้านดอลลาร์ และทำลายชื่อเสียงของ เดวีส์ นั่นเอง
แน่นอนว่า ระหว่างการปล้น ทางเหล่าอาชญากรรม จะต้องเผชิญกับอุปสรรคต่าง ๆ เปิดโอกาสให้ การ์เซีย ได้เขียนบทแต่ละตอน ให้มีไฮไลท์เป็นของตนเอง อย่างตอนหนึ่งจะมีเรื่องการชิงไหวพริบ กับเอฟบีไอ บางตอนเป็นภารกิจย่อย ที่ทีมอาชญากรรม ต้องออกปล้นแหล่งการค้าเพชร เพื่อหาเงินหมุน มาทำทุนให้กับแผนใหญ่ที่จะเข้าไปขโมยเงิน ในตู้เซฟของ เดวีส์
ดังนั้น แต่ละตอนของซีรีส์ ลำดับปล้นเหนือเมฆ จึงมีจุดแข็งของตัวเอง โดยปมใหญ่ที่สุด คือพยายามรักษาบรรยากาศไว้ในทุกตอน คือการชิงเหลี่ยมทรยศ หักหลังภายในทีม ที่ต่างคนต่างมีความซ่อนอยู่ โดยที่คุณจะไม่รู้ว่าใครคือใครเลย
เรื่องนี้ สนุกจริงหรือไม่ คุ้มค่าแก่การเข้าดูไหม ?
ว่ากันตามตรง ส่วนตัวได้รับการสุ่มเรียงตอนที่ไม่ได้ถือว่าดีที่สุด แต่ก็ยังพอดูได้ สนุก เพราะบางตอน เปิดมาด้วยการแหกคุกเมื่อ 7 ปีก่อนของ เวอร์นอน และเป็นตอนที่ทำให้เข้าใจบุคลิก ของตัวละครนำ ดีกว่าตอนอื่น ทำให้ค่อย ๆ รู้จักตัวละครอื่นแต่เนิ่น ๆ แต่สำหรับบางตอน ก็ทำให้เรารู้เฉลย ของจุดหักมุมบางอย่างที่ไวเกินไป ซึ่งถ้าใครโดนสุ่ม ไปเจอตอนเหตุการณ์ หลังการปล้นมา เป็นตอนแรกที่ได้ชม ต้องบอกเลยว่าคุณต้อง งง อย่างแน่นอน เพราะไม่มีการเกริ่นปูตัวละครใดเลย และจะเห็นแต่ผลลัพธ์สุดอลหม่าน ที่เกิดขึ้นแบบไม่รู้ต้นหลายเหตุเลย
ถ้าให้เราแนะนำจริง ๆ ควรเลือกชมตอนเอง น่าจะดีที่สุด หากไล่เรียงตามลำดับของเรื่องราว ให้ง่ายต่อความเข้าใจ ก็ควรไล่ไปจากตอนเมื่อ 24 ปีก่อน การปล้นไปจนถึงเหตุการณ์หลังการปล้น เราจะเรียงจาก สีม่วง สีเขียว สีเหลือง สีส้ม สีฟ้า สีขาว สีแดง และสีชมพู แต่สำหรับใครที่ต้องการดูตามสี ที่ทางแอกเคาท์กำหนดมาแล้ว ก็ไม่เป็นไร ไม่ได้ผิด
สำหรับใครที่ไม่ค่อยชอบอ่านซับไทย ทางเราว่าเรื่องนี้ แนะให้ดูซับไทยมากกว่า เพราะความหายที่ใช้การสื่อสาร จะถูกต้องมากกว่า และเข้าใจมากกว่าการดูพากย์ไทย เพราะบางฉากอาจจะมีความหมายที่น่าเกลียด และตลก
ใครที่อยากลองดู แนะนำว่าลองดูก่อนนะคะ เพราะบางคนก็อาจจะชอบ ด้วยการเล่นลีลาของตอน ที่ให้สีไม่เหมือนกัน ซึ่งเป็นการทำซีรีส์ออกมาแนวใหม่ ให้คนดูได้สัมผัสที่แตกต่างกันออกไปอย่างสิ้นเชิง
ถึงคราวให้คะแนน สำหรับซีรีส์เรื่องนี้กันค่ะ ปล้นส่องกล้อง “Kaleidoscope”
✅ จุดเด่น
สำหรับซีรีส์เรื่อง “Kaleidoscope” แนวทดลองการเล่าเรื่อง ที่ท้าทายให้ผู้ชม ได้ลองสิ่งแปลก ๆ ได้ดูตอนที่ไม่เหมือนใคร ทำจุดขายของซีรีส์เรื่องนี้ออกมาดี ทำให้คนดูต่างตื่นเต้น ที่ใครจะได้รับชมตอนไหนก่อน สีอะไรก่อน ซึ่งต้องชมผู้จัดทำอย่างมาก เพราะซีรีส์เรื่องนี้ เป็นกระแสฮือฮาไปยังโลกออนไลน์ ในโซเชียลมีเดีย บนแพลตฟอร์มของ TikTok จนกลายเป็นกระแส และได้การตอบรับจากคอมเมนต์ จากบัญชีผู้ใช้งานต่าง ๆ บางคนก็ว่ากันว่า ได้สีนี้ก่อน บางคนก็ได้อีกสี ทำให้เป็นกระแสที่ต้องตามไปดู
✅ ข้อเสีย
อาจจะไม่ได้สนุกสำหรับคนดูมากไป เพราะบางคนอาจจะไม่เข้าใจ เพราะตอนแต่ละตอนไม่ได้เรียงลำดับมาเหมือนกัน บางตอนโผล่มา ทำให้คนดูอาจจะไม่เข้าใจ บางตอนก็ไม่ได้พิเศษอะไรขนาดนั้น อย่างตอนที่เป็นสีชมพู เหมือนถูกยัดเรื่องราวมาแบบไม่เข้ากับตอนอื่นเลย ทำให้เกิดความคิดที่แบบว่า “ตอนนี้มีมาทำไมกันนะ ?” และสิ่งที่ควรปรับปรุงที่สุด คือคุณภาพของงานแปลพากย์ไทย ที่ค่อนข้างแย่สำหรับคนดู ใครอยากดู แนะนำให้ดูซับไทยจะดีกว่า
🏆 ด้านการแสดง ของนักแสดง 7.5 คะแนน
สำหรับเรื่องนี้ต้องบอกเลยว่า นักแสดงทุกคนทุ่มเทกับการแสดงอย่างมาก เราให้คะแนนสำหรับการแสดงไปถึง 7.5 เลยค่ะ ถึงการตอบรับของซีรีส์เรื่องนี้ จะดีหรือไม่ดีอย่างไร ทางนักแสดงทุกคนก็เต็มที่ ทั้งฉากการปล้น ฉากระเบิดเมือง เพื่อปล้นย่านการค้าเพชร ที่เหล่าตัวละครทุ่มเท เพื่อหาทุนในการไปปล้นตู้เซฟ ความสามารถของตัวละคร ที่ต้องรวบรวมอาชญากรรม เพื่อมารวมทีมในการปล้นครั้งนี้ โดยรวมนักแสดง ฝีมือมากความสามารถ ระดับแนวหน้าของ ฮอลลีวูด นำทีมโดย จีอันคาโล เอสโปซิโต, รูฟัส ซีเวลล์, พาซ เวก้า, โรซาลิน เอลเบย์, ไจ คอร์ทนีย์, ทาทิ แกเบรียล และ ปีเตอร์ มาร์ค เคนดัลล์
🏆 ความสนุกตามแนวหนัง 7.5 คะแนน
สำหรับความสนุกของหนังเรื่องนี้ ไม่ได้ออกมาดูแย่แบบที่คิด การตัวละครต่าง ๆ มีเทคนิคการปล้นที่ต่างกันออกไป ต้องใช้สมอง และความคิด รวบรวมวิธีการ ความคิดกันต่าง ๆ นานา เพื่อที่จะทำการปล้นกับคู่แค้นของ เวอร์นอน ที่ต้องการชำระแค้นครั้งนี้ ฉากแอกชัน ถือว่าทำออกมาได้ดี ฉากการโจรกรรมทั้งหลาย ก็สนุกไม่ได้เบื่อแบบที่คิด
🏆 ความคุ้มค่า ที่ได้รับชม 6 คะแนน
สำหรับเราแล้ว ซีรีส์เรื่องนี้ไม่ได้หวือหวาอะไรมากมาย ซีรีส์เรื่องนี้มีเพียงจุดเด่นตรงที่ตอนของมัน จะเป็นสี ๆ ให้ชมต่างกันเท่านั้น แต่โดยรวมก็ทำออกมาไม่ได้แย่มากขนาดนั้น บางคนที่ได้ดูแล้วอาจจะไม่ชอบ บางคนก็ชอบ ต่างมุมมองกันออกไป สำหรับใครที่ยังไม่ได้ดู แนะนำให้ลองดูก่อนได้ สำหรับใครที่ยังไม่ได้ดู สามารถเข้าดูได้ที่ : Netflix แล้ววันนี้
