เมื่อพลังศรัทธา ถูกนำมาถ่ายทอดเป็น ตำนานไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ ซีจีตระการตา แต่จะสามารถครองใจคนไทยได้จริงหรือไม่ มารอดูกัน!
สารบัญ
ตำนานไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ พึ่งพลังศรัทธา จะรอดหรือไม่ หรือขายได้แค่ซีจี
กระโดดไปรีวิวหนัง จากฝั่งเมืองนอกกันมานาน วันนี้ก็ถึงเวลาแล้วที่ Doofree88 จะพาทุกท่าน ไปดูฝั่ง ภาพยนตร์โดยฝีมือคนไทย กันมาบ้าน คงจะต้องยอมรับ กันแบบตรง ๆ เลยว่าหนังไทยเรื่องนี้ เนื้อหาหลัก ๆ ขึ้นอยู่กับความเชื่อ และพลังศรัทธา แบบส่วนบุคคลแท้ ๆ แม้ว่าหน้าหนัง ไม่ได้มีอะไรดึงดูดความสนใจอะไรได้มากนัก
อีกทั้งโดยรวม ๆ ภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็ไม่ได้มีนักแสดงเบอร์ใหญ่ เข้ามาจุนเจือ ไม่ได้มีพลังพีอาร์ระดับเทพ ที่จะส่งภาพยนตร์ให้มีฐานก่อนเริ่มฉาย แต่ “ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์” ในที่สุด บัดนี้ก็กลายออกมาเป็นหนังไทย ที่โดนเคลมว่า เป็นแอคชั่นแฟนตาซี งานละเอียด ที่ได้มีการผสมผสาน ให้เข้ากับตำนานเล่าขาน ที่เหนือธรรมชาติ กับความศรัทธาส่วนบุคคล ของคนท้องถิ่น
ได้รู้แบบนี้ อาจจะฟังดูเป็นหนังที่แฝงการโปรโมต บรรดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไปหน่อย จะเหนือจินตนาการเกินไปรึเปล่า แต่ปรากฏว่า เนื้อในของหนัง ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ นั้น…ก็ไม่ใช่แบบที่คิดไว้
สำหรับภาพยนตร์ เรื่อง ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ เมื่อเล่าย้อนไปในอดีตกาล ได้มีพระธุดงค์ผู้มีญาณบารมีสูงส่ง รูปหนึ่งได้ทำการ นำดวงจิตของเด็กชายวัย 10 ขวบ มาฝากไว้ที่วัดร้าง บ้านฉลอง อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช โดยได้กำชับ กับดวงจิตดวงนี้ว่า “ให้อยู่เฝ้าสถานที่แห่งนี้ จนกว่าจะมีผู้มีบุญญาธิการมาถึง” เมื่อได้ฟังคำกำชับนี้ ดวงจิตอันบริสุทธิ์ของ เด็กชายผู้นั้น ก็ได้อุทิศตนรักษาสัจจะ ที่ให้ไว้กับพระธุดงค์ตลอดมา
และแล้ว ระยะเวลาก็ได้ล่วงเลยอีกเกือบร้อยปี เก่ง และ เปี๊ยก สองพี่น้อง เดินทางพนันชนไก่ จากพระนครเพื่อที่จะมุ่ง สู่เมืองนครศรีธรรมราช เก่งเอาไอ้แดงไก่ชน คู่ทุกข์ คู่ยาก ไปตระเวนชนกับไก่ของนักเลงเจ้าถิ่น จนแพ้พนันหมดตัว เมื่อเป็นเช่นนั้น เก่ง และเปี๊ยกหลบหนีการตามล่า และต้องไปอาศัยวัดร้างแห่งหนึ่ง
เพื่อที่จะหวังให้เป็น ที่พักอาศัยชั่วคราว ในระหว่างการหลบหนี และนี่คือจุดเริ่มต้น ที่ทั้งคู่ จะต้องได้พบกับเด็กคนชาย ในวัดร้างแห่งเดียวกัน เก่งเรียกเขาว่า “ไอ้ไข่” จนติดปาก โดยตัวของเก่งเองไม่ทันที่จะนึกเอะใจ เลยว่าไอ้ไข่ไม่ใช่เด็กธรรมดา แบบเด็กทั่วไปแถว ๆ นี้
สำหรับนักเลงเจ้าถิ่น ที่เก่งไปมีเรื่อง ในการพนันไก่ชนนั้น เป็นถึงลูกชายของ ขุนสมาน ผู้มีอิทธิพล กว้างขวางแห่งสิชล ขุนสมาน เองลึก ๆ ก็พยายามที่จะขุดหาสมบัติ ในวัดร้างนั้นมาเก็บรักษาไว้เอง ด้วยความโลภมาก อยู่หลาย ๆ ครั้ง แต่ไม่เคยสำเร็จเลยแม้แต่คราเดียว และนั่นก็เป็นเพราะอิทธิฤทธิ์ ของไอ้ไข่ที่คอยทำหน้าที่ปกป้อง ขับไล่ ไม่ให้พวกคนใจโฉด เข้ามาขโมยสมบัติ เรื่องนี้ได้ร้อนถึง เสือเมือง จอมขมังเวทมากฝีมือในยุคนั้น มีวิชาติดตัวมากมาย รีบออกเดินทาง จนมาถึงบ้านฉลอง เพื่อเตรียมตัว เข้าสมทบกับขุนสมาน หวังที่จะจัดการไอ้ไข่ขั้นเด็ดขาด
แม้สถานการณ์ ณ ขณะนี้ ออกแนวจะเริ่มจะตึงเครียด เข้มข้น เข้าไปเรื่อย ๆ แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น ทางด้านของไอ้ไข่ก็ยังคงยืนหยัด ต่อสู้ เพื่อหวังที่จะรักษา สมบัติตามคำมั่น ที่เคยให้ไว้กับพระธุดงค์ ให้จนได้ แต่เมื่อต้องรับมือกับจอมขมังเวทเช่นนี้ ไอ้ไข่จะทำสำเร็จได้หรือไม่? ส่วนเก่ง ในเวลาต่อมา ก็ดูเหมือนว่าจะเริ่มเคลือบแคลงใจ ว่าไอ้ไข่นั้นมีลักษณะ เหมือนไม่ใช่มนุษย์ มิตรภาพจึงเกิดรอยร้าวครั้งใหญ่ ระหว่างเก่ง และไอ้ไข่ จะเป็นเช่นไร บทพิสูจน์แห่งศรัทธา และปาฏิหาริย์ต่าง ๆ กำลังท้าทายทุกตำนานที่เคยเกิดขึ้น ภาพยนตร์ฝีมือคนไทย ที่ถูกสร้างขึ้น โดยมีแรงบันดาลใจ มาจากศรัทธาอันแรงกล้า พร้อมแล้วที่จะนำเสนอ ให้ออกสู่สายตาของผู้ชมชาวไทย
สำหรับหนังเรื่อง ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ เป็นฝีมือของผู้กำกับหนังไทย ที่หลาย ๆ ท่านอาจจะพอคุ้นชื่อกันมาบ้าง เพราะผู้กำกับรายนี้ ก็ได้มีการคร่ำหวอดมาเป็นสิบปี อย่าง “ธีรธร เชาวนโยธิน” ที่มักจะถนัดงานสร้าง หนังสยองขวัญ หรือหนังที่แฝงไปด้วยข้อคิด กฎแห่งกรรม ในรูปแบบต่าง ๆ แม้ว่าผลงานของเขา ที่ผ่าน ๆ มา อาจจะยังไม่มีเรื่องไหน เป็นที่ประจักษ์ ต่อสายตาของผู้ชมชาวไทย และวงการหนังไทยสักเท่าไหร่นักก็ตาม แต่การได้มาหยิบจับ งานสร้างหนังในเรื่อง ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ เรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นโอกาส ในการที่จะลับคม ฝีมือของผู้กำกับรายนี้ ได้ดีไม่น้อย ทำให้เห็นว่า งานต่าง ๆ ที่ปรากฏออกมาสู่สายตาผู้ชมแบบเรา มีสเกลที่ใหญ่ขึ้น และเขาก็สามารถรับมือกับมันได้อยู่
เจาะรีวิว กันแบบละเอียด หลังชม “ตำนานไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์”
ในส่วนของความคิดเห็น หลังจากที่ได้ชมภาพยนตร์ ก็อาจจะต้องบอกกับแฟน ๆ Doofree88 กันตรง ๆ ว่า ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ เรื่องนี้ยังไม่ใช่หนัง ที่สมบูรณ์แบบในทุกด้านขนาดนั้น แต่อย่างใดก็ตาม หนังยังเต็มไปด้วยจุดโหว่ และช่องว่างเยอะแยะเต็มไปหมด หรือให้เข้าใจกันง่าย ๆ ก็คือยังไม่สามารถอุดรอบรั่วได้อย่างหมดจดนั่นเอง
การเล่าเรื่องของหนัง ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ ค่อนข้างยวนยาน ซะจนเกินจำเป็นไปสักนิด ในช่วงเริ่มต้น บทต่าง ๆ มัวไปเสียเวลา อยู่กับการปูเรื่อง และเกริ่นเรื่องในช่วงครึ่งแรก ราว ๆ ชั่วโมงเห็นจะได้ แต่พอสามารถจับทาง และเข้าจังหวะที่เนื้อหาของหนัง ที่ต้องการจะสื่อได้แล้วนั้น บทหลังจากนั้น ก็ถือว่าตัวหนังค่อนข้างไหลลื่น ได้ดียิ่งขึ้น เป็นไปอย่างน่าสนใจ แม้ว่าจะยังเป็นรสชาติ และอารมณ์ร่วมในฝั่งของผู้ชม ที่ไม่ได้ให้ความอร่อย แบบธรรมชาติสักเท่าไหร่นัก
ขาดความละมุน ตัดอารมณ์ไปมา ต้นร้ายปลายดี
คะแนนด้านจังหวะ และการลำดับบทภาพยนตร์ : 🌕🌕🌕🌑🌑
ทางด้านจังหวะการตัดต่อ และลำดับในการจัดสรร เรื่องราวในหนัง ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ ยังคงค่อนข้างต้องปรับปรุง อยู่อีกหน่อย เพราะในหลาย ๆ จุดยังคงมีการคอยตัดอารมณ์ ของหนังไปบ่อยครั้ง ยังไร้ความละมุน ความต่อเนื่องของอารมณ์ ในการใส่จุดเชื่อมโยง จากแต่ละฉากที่ปรากฏ และซีนไปอย่างน่าเสียดาย ทั้ง ๆ ที่ซีนนั้น ๆ ยังไปได้อีก ทั้งยังแอบเห็นว่า บางจุดก็ใส่ ยัดเยียดเข้ามาเกินจำเป็นไปสักนิด และบางซีนหากลองได้สังเกตดี ๆ เหมือนจะยังลืม ๆ ใส่องค์ประกอบ ที่ครบถ้วนเข้าไปอยู่บ้าง แต่ก็เป็นเพียงจุดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่แทบจะสังเกตไม่เห็นด้วยซ้ำ
ตั้งใจแสดงเต็มที่ แม้ไม่มีเบอร์ใหญ่ มานำทัพ
คะแนนด้านบทบาท ของแต่ละตัวละคร : 🌕🌕🌕🌕🌑
ทางด้านการแสดง ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ ต้องยอมรับว่า หากดูจากตัวอย่างภาพยนตร์ และรายชื่อนักแสดงจากในเรื่องนี้แล้ว แทบไม่มีนักแสดงเบอร์ใหญ่ ๆ เลยแม้แต่คนเดียว ในหนังเรื่องนี้ แต่ก็ยังดี ที่มีนักแสดงหลายคน ที่ช่วยกันประคับประคอง หนัง ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ เรื่องนี้กันไปให้ตลอดรอดฝั่ง
ซึ่งที่ดูจะโดดเด่นหน่อย ก็ต้องชื่นชมการแสดง และการแบกรับหนังเรื่องนี้ ของนักแสดงหนุ่ม “ต้น ศักราช” ที่เหมือนจะมีประสบการณ์ ทางการแสดงมากที่สุด ในบรรดานักแสดงนำที่มีอยู่จากภาพยนตร์ ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ และเป็นตัวละคร ที่คอยช่วยพยุงหนัง เอาไว้ในหลาย ๆ จุด แม้ว่ามิติบทต่าง ๆ ที่เขาได้รับนั้น แทบจะไม่มีอะไรเลย และออกจากน่ารำคาญ กวนอกกวนใจไปบ้าง ในหลาย ๆ พฤติกรรมของตัวละครที่เขาได้รับ ไปสักด้วยซ้ำ แต่หากพิจารณา ในด้านฝีมือการแสดงของเขา..ได้อยู่
ขณะที่ลีลาการแสดง ของตัวละครหลัก น้องโกฮัง ณัฐวรรธ ที่มารับบทหนัก ในหนังเรื่องนี้ เป็นไอ้ไข่ แบบเต็มเต็มตัว ก็ต้องบอกตรง ๆ เลยว่ายังไม่มีอะไร ที่น่าจดจำสักเท่าไหร่ หลาย ๆ คนวิจารณ์กันตั้งแต่เสียงของน้อง ที่ดูจะไม่ค่อยเด็กแล้ว เลยอินยากไปสักหน่อย
แต่น้องก็ถือว่าพยายาม ที่จะแสดงศักยภาพ ออกมาได้อย่างเต็มที่ ถึงการแสดง เมื่อมองรวม ๆ จะยังต้องฝึกฝนอีกต่อไป แต่ในอีกด้านหนึ่ง ถือว่าการคัดเลือกน้อง มารับบทเป็นไอ้ไข่ในครั้งนี้ ก็จัดได้ว่า เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมดี
โดยเฉพาะลักษณะกายภาพ รูปร่าง หุ่นห้างของน้อง ที่ถือว่าค่อนข้าง เหมาะสมกับตัวบทนี้ เพราะนี่อาจจะยังไม่ใช่การแสดงที่ดีนัก แต่เชื่อว่าหลังจบจากเรื่อง ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ น้องจะพัฒนาได้ดีขึ้นต่อไปแน่นอน
สำหรับฝั่งของ ทีมนักแสดงคนอื่น ๆ ก็พากันแบก หนัง ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ เรื่องนี้ กันอย่างเต็มประสิทธิภาพ ผ่านรูปแบบของการตั้งงอกตั้งใจ แสดงและสื่อความตามบทบาทที่แต่ละคนได้รับ ไม่ว่าจะเป็น “ครีมมี่ พลอยปภัส”, “โอโบ ธีรยา”
หรือแก๊งนักแสดงรุ่นใหญ่ ที่หลาย ๆ ท่านพอจะคุ้นหน้าคุ้นตากันมาแล้วอย่าง “ปราปต์ปฎล สุวรรณบาง”, “โกวิท วัฒนกุล” หรือ “บุ๋มบิ๋ม สามโทน” มาช่วยเป็นคาแรกเตอร์เสริม ที่ทำให้หนัง ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ ดูเติมเต็มยิ่งขึ้น แม้ว่าบทบาทของแต่ละตัวละคร และคาแรกเตอร์ของพวกเขานั้น หากลองพิจารณาดูดี ๆ แทบจะไม่มีอะไรแปลกใหม่ อะไรมากนัก อีกทั้งยังไร้มิติ ตื้นเขินไปเสียหมดก็ตามที
CG งานละเอียด อุดรอยรั่วได้ดีเยี่ยม มุมกล้อง ฉากลงตัว
คะแนนด้าน CG และมุมกล้อง : 🌕🌕🌕🌕🌕
อย่างไรก็ดี สิ่งหนึ่งต้องปรบมือ เสียงดัง ๆ รัว ๆ ให้กับ ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ เรื่องนี้ ก็คืองานออกแบบเทคนิคพิเศษ และ CG ต่าง ๆ ที่โดดเด่น จนหลาย ๆ คนต้องยอมรับ ว่าหนังสามารถที่จะทำออกมา ได้ค่อนข้างดีกว่าที่หลาย ๆ ท่าที่ได้รับชม คาดเอาไว้มากทีเดียว แม้ว่าจะไม่ได้องค์ประกอบนี้ ออกมาให้เห็นแบบ ฟุ่มเฟือยเท่าไหร่
แต่เห็นได้ชัด ว่าเวลาใส่ออกมา แต่ละฉากนั้น น่าสนใจ ค่อนข้างพิถีพิถัน ทำให้หนังดูน่าสนใจขึ้นแบบทันตา และใส่ใจงาน CG อย่างละเอียด ที่น่าพึงพอใจเป็นอย่างดี ถือว่าเป็นหนังที่มีดี ที่งาน CG ซีจี และไม่ใส่งานหยาบ ๆ ทำออกมาแบบลวก ๆ ดูถูกคนดูเป็นอย่างยิ่ง เหมือนหลาย ๆ เรื่องที่เห็นกันอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ ภาพยนตร์เรื่อง ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ ยังมีองค์ประกอบอื่น ๆ ที่ค่อนข้างน่าพอใจอีกเช่นกันในฝั่งมุมมองของผู้ชม ไม่ว่าจะเป็น องค์ประกอบศิลป์ต่าง ๆ ที่เราจะได้เห็นในภาพยนตร์เรื่องนี้ การเซตฉากออกมา ได้ค่อนข้างน่าสนใจ มุมสวย ดีงาม รวมทั้งงานถ่ายภาพ และดีไซน์ภาพ ที่เห็นในหนังเรื่องนี้
มองแวบแรกก็เห็นได้ชัดเจน ว่ามีหลาย ๆ ฉาก ที่ทำออกมาได้สวย น่ามอง อีกทั้งยังพยายามใส่มุมกล้อง แบบใหม่ ๆ เข้ามาเป็นเทคนิคเสริม ที่แปลกใหม่ นำเสนอได้น่าสนใจ ในวงการหนังไทย ลักษณะนี้ถือว่าทำได้ดีอีกด้วยเช่นกัน
โดยภาพรวมแล้วนั้น ต้องยอมรับว่า ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ ฝีมือการกำกับของ ธีรธร เชาวนโยธิน ถือว่าเป็นหนังที่พอดูได้เพลิน ๆ เรื่อย ๆ แบบที่ไม่จำเป็นจะต้องคาดหวังอะไรมากนัก โดยรวม ๆ อาจจะยังไม่เข้าใกล้คำว่า สมบูรณ์แบบมากนัก
แต่ก็จัดได้ว่าในภาพยนตร์เรื่องนี้ มีองค์ประกอบหลาย ๆ อย่างที่น่าพอใจดี บทหนังกับการเล่าเรื่อง อาจจะยังเป็นจุดอ่อนไปสักหน่อย ที่เห็นได้ชัดในเรื่อง ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ แต่ก็มีสิ่งอื่น ที่ทำหน้าที่เข้ามาทดแทนจุดด้อย อุดรอยรั่วของหนังได้เป็นอย่างดี
แม้ว่าก่อนจะเข้าไปดูหนังเรื่อง ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ หลาย ๆ ก็น่าจะมีความคิดส่วนตัว รูปแบบหนึ่งที่คล้าย ๆ กัน คือจะต้องเข้าใจว่า ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ จะเป็นหนังที่เชื่อมโยง โปรโมทควบคู่ไปกับความเชื่อ แบบท้องถิ่น ไทยจ๋า ไทยมู มากแน่ ๆ
แต่ผลลัพธ์ที่ออกมา กลับไม่ใช่เช่นนั้น นี่คือหนังที่สร้างขึ้นจากตำนานเล่าขานของชาวใต้ ที่เต็มไปด้วยความเคารพ และความศรัทธา ในตัวของไอ้ไข่ เป็นงานสร้าง ที่ไม่ได้ทำขึ้นเผื่อหวังเกาะกระแสแต่อย่างใดแต่ ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ มาจากพลังใจอย่างแท้จริง ทำให้เรื่องนี้ เป็นอีกเรื่องที่น่าจะเหมาะ กับกลุ่มผู้ชมบางกลุ่มพอสมควร สามารถเลือกชมได้ ทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ ถ้าไม่ได้คาดหวังอะไรมากนัก อย่างน้อย ๆ CG ที่ทุก ๆ ท่านจะได้เห็นใน ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ ในส่วนนี้ประทับใจ ไม่ขัด ไม่สะดุดแน่นอน
แรงบันดาลใจจาก ตำนานไอ้ไข่ ลี้ลับ สู่จอภาพยนตร์
จากตำนานความเชื่อ ของชาวบ้านที่จังหวัดนครศรีธรรมราช สู่การสร้างภาพยนตร์ ที่มีการผสมผสานทั้งในส่วนของตำนาน และความบันเทิงทุก ๆ อย่างถูกนำเสนอออกมาเป็นเรื่องราว โดยทางทีมงานผู้กำกับได้มีความตั้งใจจริง ในการนำตำนานไอ้ไข่ ออกมาถ่ายทอดในแบบที่ลงตัวที่สุดเท่านที่จะทำได้ หากใครได้ทราบตำนานที่แท้จริงของไอ้ไข่ จะพบว่ามีหลาย ๆ จุดเลยทีเดียวที่ถูกจับไปเป็นรายละเอียดในภาพยนตร์เรื่องนี้
“ไอ้ไข่” คือใคร ทำไมมีแต่คนบูชา?
แรกเริ่มเดิมที หากจะหาที่มาที่ไปในการสร้างภาพยนตร์เรื่อง “ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์” ไอ้ไข่ คือวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านเชื่อว่า สามารถที่จะบันดาลโชคลาภ และความสุขสมหวังให้แก่ผู้กราบไหว้บูชาได้ แต่จะไม่ใช่ดวงจิตที่เหมือนกับ กุมารทองอย่างที่เข้าใจกัน ไอ้ไข่จัดว่าเป็นกุมารเทพ ชาวบ้านเชื่อว่าดวงวิญญาณของไอ้ไข่ ที่ปัจจุบันสิงสถิตอยู่ในไม้แกะสลักรูปเด็กผู้ชาย (โดยมีชาวบ้านคอยให้การดูแล) ที่ตั้งอยู่ภายในวัดเจดีย์ จ.นครศรีธรรมราช ในตอนนี้เป็นวัดเก่าแก่ที่เคยถูกทิ้งร้าง สมัยก่อนมีความเชื่อกันว่า เมื่อวัวของชาวบ้านในพื้นที่ เกิดสูญหายไม่สามารถตามหา หรือตามกลับมาได้ พวกเขาจะมาบนบานไอ้ไข่ และสุดท้ายก็จะได้วัวคืนทุกครั้ง
ต่อมาจึงเริ่มขอพรเรื่องอื่น ๆ มากขึ้นเรื่อย ๆ เช่น โชคลาภ การค้าขาย ปรากฏว่าชาวบ้านก็ยังคงสมหวังแทบทุกราย กลายเป็นเสียงลือบอกต่อถึงความศักดิ์สิทธิ์ มีผู้ศรัทธาละแวกใกล้เคียง เริ่มที่จะทยอยเดินทางมากราบไหว้ไอ้ไข่ จนกระทั่งช่วงราว ๆ ปี 2564-2564 ชื่อเสียงไอ้ไข่ก็โด่งดังไปทั่วประเทศ โดยเฉพาะบรรดาคอหวย ที่มักเดินทางมาขอเลขเด็ดอย่างไม่ขาดสาย ตามกระแสข่าวที่ว่าไอ้ไข่ช่วยเรื่องโชคลาภได้อย่างดีจริง ๆ ทำให้มีบางคนเปลี่ยนมาเรียกไอ้ไข่ว่า “พี่ไข่” หรือ “ตาไข่” ในเวลาต่อมา รวมถึงมีการบูชา และจัดหาวัตถุมงคลขึ้นอย่างเป็นทางการ
ประวัติ และตำนานของ “ไอ้ไข่วัดเจดีย์”
ตำนานของไอ้ไข่ เป็นเรื่องเล่าในท้องถิ่น ที่เล่าสืบต่อกันมาช้านาน นี่จึงเป็นที่มาของการสร้างภาพยนตร์ในเรื่องนี้ โดยตำนานที่แท้จริงจะมีส่วนที่คล้ายกับในบทภาพยนตร์บางส่วน ตามตำนานเชื่อว่าไอ้ไข่ คือลูกของชาวบ้าน ที่มาวิ่งเล่นในวัดตั้งแต่เด็ก ๆ แต่ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น เด็กรายนี้ประสบอุบัติเหตุจมน้ำเสียชีวิต ด้วยความที่วิญญาณผูกพันกับวัดแห่งนี้ จึงเลือกที่จะสิงสถิตอยู่ในวัดเจดีย์ เป็นเวลานานมาจนถึงปัจจุบัน
บางตำนานก็เล่าว่า ในอดีตหลวงปู่ทวด ซึ่งเป็นเกจิอาจารย์ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่นับหน้าถือตาของคนในยุคนั้น เดินธุดงค์มาปักกลดอยู่ภายในพื้นที่วัดร้าง ซึ่งก็คือวัดเจดีย์ในปัจจุบันนั่นเอง โดยในขณะที่มาถึงวัดแห่งนี้ ก็มีวิญญาณของไอ้ไข่ เด็กผู้ชายอายุราว ๆ 9-10 ขวบ ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ทวด เดินทางติดตามท่านมาด้วย เมื่อหลวงปู่ทวดได้ทำการพิจารณา ภายในวัดแห่งนี้อย่างละเอียด ก็พบว่าวัดเจดีย์มีทรัพย์สมบัติ ตามซากโบราณสถานเป็นจำนวนมาก หลวงปู่ทวดจึงตัดสินใจที่จะให้ไอ้ไข่ สิงสถิตอยู่ที่วัดเจดีย์เพื่อรักษาทรัพย์สมบัติของวัดเป็นการสืบไป
เรื่องลี้ลับ และความศักดิ์สิทธิ์ของไอ้ไข่
แต่เดิมบริเวณวัดเจดีย์ เป็นวัดเก่าแก่รกร้างมีซากอิฐ ซากปูนจำนวนมาก และเจดีย์โบราณที่หลาย ๆ ฝ่ายเชื่อว่ามีอายุมากกว่า 1,000 ปี ก่อนที่จะได้บูรณะใหม่อย่างจริงจังเมื่อราว ๆ ปี 2500 ในที่สุด นอกจากนี้ว่ากันว่า หากใครมานอนค้างแรมที่นี่ โดยการละเลยไม่ได้มีการบอกกล่าว หรือขอสถานที่ ยามค่ำคืนกลางดึก ขณะที่กำลังนอนอยู่จะมีวิญญาณเด็กมาหยอกล้อ ดึงขาบ้าง ตีบ้าง ชาวบ้านจึงแนะนำให้บอกกล่าว “ไอ้ไข่” ก่อนเสมอ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แปลก ๆ เหล่านี้ขึ้น
ต่อมา พ.ศ. 2526 หลวงพ่อเทิ่ม เจ้าอาวาสวัดเจดีย์ในเวลานั้น ได้ทำการสร้างเหรียญบูชาไอ้ไข่รุ่นแรกขึ้น ก่อนที่จะเริ่มแจกจ่ายให้กับบรรดาชาวบ้าน และลูกศิษย์ในยุคนั้น ๆ จนกลายเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญ นำไปสู่แรงศรัทธาในการจัดสร้างเหรียญในรุ่นต่อมา ไอ้ไข่ใช้เวลานานหลายต่อหลายปี กว่าจะมีชื่อเสียงในระดับประเทศ ในช่วงเริ่มต้นไอ้ไข่เป็นที่รู้จักกันในเฉพาะละแวก ความโด่งดังของไอ้ไข่ถูกสะสม และบอกต่อเล่าลือกันปากต่อปาก ถึงความศักดิ์สิทธิ์ในการรับบนไหว้เรื่องต่าง ๆ จนทำให้ช่วงหนึ่งเหรียญบูชาไอ้ไข่ กลายเป็นของที่หลายคนต้องการ และตามหาไปทั่ว
สิ่งสำคัญที่สุดที่ผู้กราบไหว้เคารพ และบูชาไอ้ไข่จะต้องยึดถือเป็นที่ตั้ง ก็คือ “การมีสัจจะ” หรือการตั้งมั่นในคำพูด ทันทีที่มีการร้องขอ เมื่อสิ่งที่บนบานไว้สำเร็จผลลุล่วง จะต้องมาแก้บนตามที่กล่าว หรือได้รับปากไว้ในตอนแรก สิ่งของที่มักมีผู้เลื่อมใส นิยมที่นำมาแก้บนที่วัดเจดีย์ โดยเชื่อว่าไอ้ไข่ชื่นชอบ ได้แก่ ชุดทหาร ชุดตำรวจ รูปปั้นไก่ชน น้ำแดง และของเล่นต่าง ๆ โดยสิ่งเหล่านี้ก็จะมีสอดแทรกอยู่ในภาพยนตร์บ้าง อย่างเช่นฉากตีไก่ที่เราได้เห็นไปในตัวอย่าง เป็นต้น ซึ่งสอดคล้องกับตำนานไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์อยู่ไม่น้อย เพราะฉะนั้นหากจะบูชา หรือร้องขอสิ่งใดจากไอ้ไข่ ไปตรงกับตำนานที่ว่า เมื่อครั้งที่ให้สัจวาจาต่อหลวงปู่ทวด ว่าไอ้ไข่จะดูแลรักษาวัดเจดีย์ ทำให้เป็นความเชื่อที่ว่า ไอ้ไข่ชอบคนที่มีสัจจะ ใจนักเลง พูดคำไหนคำนั้น
“เอก ธีรธร” เผยภาพยนตร์ “ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์” ทุนสร้างกว่า 40 ล้านบาท
จากตำนานที่เล่าขานสู่ ภาพยนตร์แฟนตาซีครบรส ที่ออกโรงฉายทั่วประเทศวันนี้ “ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์” ได้รับการอำนวย การสร้างโดย ดร.ประพล มิลินทจินดา กำกับโดย เอก-ธีรธร เชาวนโยธิน จาก บริษัท ไอยารา แอนิเมชัน แอนด์ สตูดิโอ จำกัด ภาพยนตร์ที่นำเสนอเรื่องราว เรื่องเล่าขานที่สอดแทรกความเชื่อเข้ามาเป็นส่วนประกอบ
ผู้กำกับ เอก-ธีรธร กล่าวว่า ก่อนที่จะทำเรื่องนี้ ผมไม่รู้จักไอ้ไข่เลยครับ แต่พึ่งได้มารู้จักก็ ตอนไปทำบุญที่วัดถ้ำพรรณรา อ.ถ้ำทอง จ.นครศรีธรรมราช พอดีว่าบรรดาเพื่อนพี่น้องที่รู้จักกัน ได้กล่าวแนะนำว่าถ้าจะลงใต้ทั้งที ก็ลองแวะไปหาไอ้ไข่ดูหน่อยไหม ด้วยความที่ไม่ได้คิดอะไรเขาตกลงที่จะทำตามคำแนะนำดังกล่าว เพื่อนก็พาผู้กำกับรายนี้ไปไหว้ตามปกติ
พอไปถึงที่นั่นได้มีโอกาส พูดคุยรับฟังเรื่องราวตำนานต่าง ๆ ของไอ้ไข่กับ พระครูพุทธเจติยาภิมณต์ หรือพระอาจารย์แว่น เจ้าอาวาสวัดเจดีย์ ที่ท่านเมตตาเล่าให้ฟัง ในเวลานั้นเมื่อได้ฟังก็เกิดความรู้สึกสนใจ อยากมาสร้างเป็นหนังดูสักเรื่อง ซึ่งก่อนหน้านี้พระครูก็ได้บอกเพิ่มเติมว่า มีค่ายเล็กค่ายใหญ่ลงมาขอพระอาจารย์แว่นทำหมดแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น ท่านก็ได้เลือกที่จะปฏิเสธไป
เมื่องถึงช่วงเวลาหนึ่ง ถามว่าทำไมพระอาจารย์แว่น ถึงสนใจเนื้อหาของผู้กำกับรายนี้จริง ๆ ถ้า 6 วันแรกที่เขียนบท เขาก็ได้ยอมรับแบบตรง ๆ ว่าคิดไม่ออกเลย ก็บอกไอ้ไข่ว่า “ช่วยพี่หน่อย พี่คิดไม่ออกเลย” ไม่รู้ว่าจะให้ถือว่าเป็นเรื่องของการคลจิตดลใจจริงหรือไม่ เพราะจู่ ๆ วันสุดท้ายของการเขียนบท ไอเดียผุดขึ้นมาเต็มไปหมด รวม ๆ แล้วสุดท้ายก็ได้บทออกมา 2 หน้า จากนั้นก็ไม่รอช้า รีบทำการส่งให้ท่านเจ้าอาวาสพิจารณาด้วยความรวดเร็ว
พระครูพุทธเจติยาภิมณต์ หรือพระอาจารย์แว่น ท่านก็ตอบตกลงทันที ไม่มีแก้ไขอะไร หลังจากนั้นก็ดำเนินการ เซ็นลิขสิทธิ์กันเลยทันที ผู้กำกับแจ้งเพิ่มเติมอีกด้วยว่า ขั้นตอนการเขียนว่าเยอะแล้ว แต่ขั้นตอนการหาเงินมาลงทุนเยอะกว่า สำหรับผลงานเรื่องนี้ทางผู้กำกับ ก็ทำการบอกกล่าวกับ ไอ้ไข่เลยว่า ”อยากให้หนังเรื่องนี้ อยู่ในสเกลใด ไซส์ไหนแล้วแต่ไอ้ไข่เลยนะ” สุดท้ายก็ได้ข้อสรุป ทุนทำหนังเรื่อง ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ อยู่ที่ 40 ล้านบาท
ทางด้านหนักแสดงคนสำคัญ ผู้ที่ได้รับโอกาสให้มาสวมบทเป็นไอ้ไข่ อย่าง น้องโกฮัง เผยว่า “ตอนที่มาแคสท์ติ้ง ลึก ๆ ก็ไม่คิดว่าตัวเองจะได้ครับ เนื่องจากในตอนนั้นมีนักแสดงเด็ก มาร่วมแคสท์ประมาณ 2000 กว่าคนเลยทีเดียว” รอบแรกจะเป็นรอบที่คัดจากรูปถ่าย ทางทีมงานผู้รับผิดชอบในส่วนนี้ จะเลือกดูภาพลักษณ์ภายนอก โดยคัดออกมาให้เหลือ 1000 คน ในส่วนของรอบที่ 2 จะมีการแคสท์จากความสามารถพิเศษทั้งสิ้น 2 รอบ โดยแบ่งเป็นรอบกทม.และปริมณฑล จากจำนวนผู้ผ่านเข้ารอบ 1000 คน ให้เหลือเพียงเหลือ 40 คน โซนภาคใต้มีคนมาสมัคร 200 คน คัดเหลือเพียง 40 คน แน่นอนว่าน้องโกฮังติด 1 ใน 40 ของโซน กทม.
จากนั้นรอบสุดท้ายของการคัดตัวนักแสดง เด็ก ๆ ที่แคสท์ผ่านในรอบ กทม. แต่ละคนจะต้องเดินทางไป สมทบแคสท์กับโซนภาคใต้ที่ จ.นครศรีธรรมราช ทั้งหมด 80 คน ในช่วงเวลานี้ทางผู้กำกับคนสำคัญอย่าง พี่เอก-ธีรธร เชาวนโยธิน จะลงมาดูด้วยตัวเอง และควบคุมอย่างใกล้ชิด เด็กทุกคนจับคู่เล่นแอ็คติ้งรอบไฟนอล โดยจะมีเวลาอ่านบทรวมถึงทำความเข้าใจก่อน 1 วัน
วันรุ่งขึ้นมาก็แคสท์กันเพื่อหาคนที่เหมาะสมต่อไป การคัดทีมนักแสดงยังคงมีการวนแคสท์ไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดก็ได้ตัวจริง นั่นก็คือน้องโกฮังผู้นี้นั่นเอง น้องโกฮังเล่าเสริมอีกว่า “พี่เอกมาเล่าให้ฟังว่าวันที่แคสท์ เขาขอไอ้ไข่ว่าถ้าคนไหนที่ไอ้ไข่ อยากให้เล่นบทนี้ ก็ขอให้คณะกรรมการทุกคนพร้อมใจกันเลือกนะ” เมื่อผลการคัดเลือกออกมา โกฮังเป็นคนเดียวที่คณะกรรมการทุกคนพร้อมใจกันเลือก ให้สวมบทบาทนี้อย่างเป็นทางการ
และนี่คือเรื่องราว การรีวิวรวมไปถึงการเจาะลึกเบื้องหลังของ ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ ภาพยนตร์ที่ผสมผสานระหว่างแฟนตาซี กับความศรัทธาความเชื่อได้อย่างลงตัว แม้ผลงานรวม ๆ ที่ออกมาจะยังไม่ได้โดดเด่นจนติดกระแสมากนัก แต่หนังเรื่องนี้ก็น่าจะถูกใจกลุ่มผู้ชมที่ชื่นชอบ และศรัทธาในตัวไอ้ไข่อยู่ไม่น้อย ใครที่อยากรับรู้ตำนานผ่านการนำเสนอ ในรูปแบบภาพยนตร์เช่นนี้สามารถตีตั๋วเข้าไปชมได้อย่างน้อย ๆ ผลงานด้านการทำ CG มุมกล้องต่าง ๆ จากเรื่องนี้ก็ไม่ขัดอกขัดใจคุณอย่างแน่นอน
ขอขอบคุณ : รีวิวภาพยนตร์ ตำนานไอ้ไข่ ทุนสร้าง